สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สกัดแรงบวกของทองคำ เนื่องจากทำให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 7.70 ดอลลาร์ หรือ 0.52% ปิดที่ 1,484.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 5.2 เซนต์ หรือ 0.32% ปิดที่ 16.445 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 4.70 ดอลลาร์ หรือ 0.55% ปิดที่ 853.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 20.70 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 1,437 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากสหรัฐขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% คิดเป็นมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนตอบโต้ด้วยการปล่อยให้หยวนอ่อนค่าลงต่ำกว่าระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี พร้อมกับสั่งให้บริษัทของรัฐบาลระงับการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐ
อย่างไรก็ดี แรงบวกของสัญญาทองคำได้ถูกสกัดลงในระหว่างวัน หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นกว่า 300 จุด ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนจำนวนหนึ่งเทขายทองคำและหันไปซื้อสินทรัพย์เสี่ยง เช่นหุ้น
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.08% สู่ระดับ 97.60 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่าจะลดความน่าดึงดูดของทองคำ เนื่องจากทำให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ที่ถือครองเงินสกุลอื่นๆ