สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปีเมื่อคืนนี้ (7 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเพิ่มแรงดึงดูดให้กับทองคำ เนื่องจากทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 35.40 ดอลลาร์ หรือ 2.39% ปิดที่ 1,519.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2556
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 75.1 เซนต์ หรือ 4.57% ปิดที่ 17.196 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 17.80 ดอลลาร์ หรือ 2.09% ปิดที่ 871.00 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 26.70 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 1,410.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 โดยล่าสุดทองคำปิดที่เหนือระดับ 1,500 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ในช่วงเวลาที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นในขณะนี้
นายโฮวี ลี นักวิเคราะห์จากธนาคาร OCBC กล่าวว่า ปัจจัยต่างๆทั่วโลกล้วนบ่งชี้ว่าราคาทองจะยังคงแข็งแกร่งในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า พร้อมระบุว่า สถานการณ์ของโลกกำลังตกอยู่ในภาวะล่อแหลม อันได้แก่อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาลง ความขัดแย้งทางการค้า และความตึงเครียดในอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งราคาทองได้รับอานิสงส์จากปัจจัยเหล่านี้
นายลียังกล่าวด้วยว่า ปัจจัยความเสี่ยงต่างๆกำลังผลักดันราคาทองให้พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 6 ปี และทำให้นักลงทุนปรับพอร์ทโดยใช้กลยุทธ์หันเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะหลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในระยะใกล้ ส่งผลให้กองทุนต่างๆหันเข้าซื้อทอง
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.18% สู่ระดับ 97.45 ในการซื้อขายเมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ เมื่อดอลลาร์อ่อนค่าลง ราคาทองซึ่งอยู่ในรูปสกุลดอลลาร์ จะมีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนซึ่งถือสกุลเงินอื่น