ราคาทองร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ในวันนี้ หลุดระดับ 1,500 ดอลลาร์ โดยนักลงทุนหันไปซื้อสินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่คลายความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นอกจากนี้ ราคาทองยังได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ทั้งนี้ ราคาทองสปอตดิ่งลงแตะ 1,497.30 ดอลลาร์ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.
ส่วนราคาทองในตลาดฟิวเจอร์ ณ เวลา 23.23 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 7.10 ดอลลาร์ หรือ 0.47% สู่ระดับ 1,508.40 ดอลลาร์/ออนซ์
นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐและจีนมีความคิดเห็นร่วมกันเกี่ยวกับการบังคับใช้กลไกในการป้องกันการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา หลังจากที่ผ่านมา ประเด็นดังกล่าวได้เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างทั้งสองฝ่าย
นอกจากนี้ Politico ซึ่งเป็นสื่อสหรัฐ รายงานว่า จีนได้ยื่นข้อเสนอที่จะซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐเพิ่มขึ้น หากสหรัฐยอมผ่อนคลายข้อจำกัดต่อการส่งออกสินค้าของบริษัทหัวเว่ย และเลื่อนการเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์ในวันที่ 1 ต.ค.
ทั้งนี้ จีนยื่นข้อเสนอดังกล่าวในการสนทนาทางโทรศัพท์กับเจ้าหน้าที่การค้าของสหรัฐในสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังพิจารณาเลื่อนการเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนที่มีกำหนดในวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งรวมถึงคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป สมาร์ทโฟน และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ
ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ดอลลาร์ปรับตัวขึ้นเทียบเยนในวันนี้ จากแรงซื้อของนักลงทุนก่อนการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ดี การดีดตัวของดอลลาร์ถูกจำกัดจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มมากขึ้นที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอเมื่อวันศุกร์
ณ เวลา 21.20 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.12% สู่ระดับ 107.03 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.39% สู่ระดับ 118.36 เยน และดีดตัวขึ้น 0.28% สู่ระดับ 1.1058 ดอลลาร์
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 130,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 150,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานยังคงอยู่ที่ระดับ 3.7% สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 17-18 ก.ย. หลังจากที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เช่นกันในการประชุมรอบที่แล้วในวันที่ 30-31 ก.ค. ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.2551
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมนโยบายการเงินของ ECB ในวันที่ 12 ก.ย. โดยมีการคาดการณ์ว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย และประกาศรื้อฟื้นโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รอบใหม่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน