สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (31 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐและจีน นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุด
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 18.1 ดอลลาร์ หรือ 1.21% ปิดที่ 1,514.8 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 1.12% ปิดที่ 18.067 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 3.1 ดอลลาร์ หรือ 0.33% ปิดที่ 933.7 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 36.50 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 1,755.60 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลและสับสนต่อสัญญาณที่ขัดแย้งกันในเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า เจ้าหน้าที่จีนมีความไม่มั่นใจเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าในระยะยาวกับสหรัฐ ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ว่า เขาจะประกาศสถานที่ซึ่งเขาจะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับผู้นำจีนในอีกไม่ช้า
นอกจากนี้ สัญญาทองคำได้รับปัจจัยหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดมีมติ 8-2 เสียงปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.50-1.75% ในการประชุมครั้งล่าสุด
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.35% แตะที่ 97.31 เมื่อคืนนี้ โดยดอลลาร์ที่อ่อนค่าได้เพิ่มความน่าดึงดูดของทองคำ เนื่องจากทำให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาถูกลงสำหรับผู้ที่ถือครองเงินสกุลอื่นๆ