สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนเมื่อคืนนี้ (7 พ.ย.) เนื่องจากความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนยังส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดทองคำเช่นกัน
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 26.70 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 1,466.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.ปีนี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 58.8 เซนต์ หรือ 3.34% ปิดที่ 17.01 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 17.7 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 914 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 16.70 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 1,777.80 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากกระทรวงพาณิชย์จีนแถลงว่า สหรัฐและจีนได้ตกลงกันที่จะทยอยยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าของแต่ละฝ่ายที่มีการกำหนดขึ้นในช่วงที่สหรัฐและจีนทำสงครามการค้าก่อนหน้านี้ ขณะที่สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า จีนกำลังพิจารณาที่จะยกเลิกข้อจำกัดต่อการนำเข้าสัตว์ปีกจากสหรัฐ
ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำยังได้รับแรงกดดันหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ย.เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนพากันเทขายพันธบัตร ท่ามกลางความหวังเกี่ยวกับการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ทั้งนี้ ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยลบต่อตลาดทองคำ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้น 0.21% แตะที่ระดับ 98.16 เมื่อคืนนี้
อนึ่ง ดอลลาร์ที่แข็งค่าได้ลดความน่าดึงดูดของทองคำ เนื่องจากทำให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ที่ถือครองเงินสกุลอื่นๆ