ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อประกันความเสี่ยงก่อนถึงเส้นตายวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งสหรัฐมีกำหนดเรียกเก็บภาษีรอบใหม่ต่อสินค้านำเข้าจากจีน
ณ เวลา 22.43 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. บวก 1.30 ดอลลาร์ หรือ 0.09% สู่ระดับ 1,466.40 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ก่อนถึงเส้นตายวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งสหรัฐมีกำหนดเรียกเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.56 แสนล้านดอลลาร์
นายเหริน หงบิน ผู้ช่วยรัฐมนตรีพาณิชย์จีน แถลงต่อผู้สื่อข่าวในวันนี้ว่า ทางการจีนหวังที่จะบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐโดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และเป็นข้อตกลงบนพื้นฐานของความเท่าเทียมกัน และความเคารพซึ่งกันและกัน และให้ประโยชน์ต่อทุกฝ่าย
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐและจีนใกล้บรรลุข้อตกลงทางการค้า ซึ่งสวนทางกับที่เขาส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่า การบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน อาจล่าช้าออกไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.ปีหน้า
นายแลร์รี่ คุดโลว์ หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว เปิดเผยในวันศุกร์ว่า สหรัฐและจีนใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงทางการค้า ขณะที่การเจรจาเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ และไม่มีการกำหนดเส้นตาย
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 10-11 ธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ หลังจากปรับลดอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน 3 ครั้งในปีนี้
โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่าราคาทองในช่วง 3 เดือน, 6 เดือน และ 12 เดือนข้างหน้าจะอยู่ที่ระดับ 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และความไม่แน่นอนทางการเมือง
ราคาทองได้พุ่งขึ้นราว 14% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ส่งผลให้ปีนี้ราคาทองมีแนวโน้มทำสถิติทะยานขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบรายปีนับตั้งแต่ปี 2553
อย่างไรก็ดี ราคาทองยังคงปรับตัวลง 6% เมื่อเทียบกับระดับ 1,557 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 ปีที่ทำไว้ในช่วงต้นเดือนก.ย. โดยโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า การปรับตัวลงของราคาทองดังกล่าวเกิดจากการที่นักลงทุนต้องการซื้อสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น หลังคลายกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และการที่สหรัฐมีตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง
โกลด์แมน แซคส์ยังระบุว่า หากเศรษฐกิจสหรัฐไม่ได้ขยายตัวขึ้นอย่างมาก นักลงทุนก็อาจจะยังคงมีความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยได้รับปัจจัยหนุนจาก inverted yield curve ซึ่งเป็นภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว
นอกจากนี้ อุปสงค์ทองยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ในปีหน้า และความไม่แน่นอนทางการเมืองจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.63