ราคาทองฟิวเจอร์ย่อตัวลงหลุดระดับ 1,480 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังจากที่สหรัฐและจีนประกาศบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ ราคาทองยังถูกกดดันจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีนและสหรัฐ
ณ เวลา 23.17 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลบ 1.80 ดอลลาร์ หรือ 0.18% สู่ระดับ 1,479.40 ดอลลาร์/ออนซ์
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุเมื่อวันศุกร์ว่า สหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีน และสหรัฐจะไม่เรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนในวันที่ 15 ธ.ค.
อย่างไรก็ดี สหรัฐจะยังคงเก็บภาษี 25% ต่อสินค้าจีนวงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์ และเก็บภาษี 7.5% ต่อสินค้าจีนวงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์
ปธน.ทรัมป์ยังระบุว่า จีนได้ตกลงที่จะทำการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างหลายประการ และจะเพิ่มการซื้อสินค้าเกษตร พลังงาน และสินค้าในภาคการผลิตของสหรัฐ
นอกจากนี้ สหรัฐและจีนจะเริ่มการเจรจาข้อตกลงการค้าเฟสสองโดยทันที แทนที่จะรอจนกว่าหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้า
ขณะเดียวกัน ทางการจีนได้จัดการแถลงข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเมื่อวันศุกร์ โดยยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก โดยการเจรจามีความคืบหน้าอย่างมาก
นอกจากนี้ จีนยังระบุว่า สหรัฐจะทยอยยกเลิกการจัดเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน ขณะที่จีนจะเพิ่มการซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐ แต่ไม่มีการระบุวงเงินแต่อย่างใด
สำหรับขั้นตอนต่อไป ทั้งสองฝ่ายจะนำข้อตกลงดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา และกำหนดวันในการลงนามต่อข้อตกลง
นอกจากนี้ ราคาทองยังถูกกดดันจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีนและสหรัฐ
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนเปิดเผยตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีกพุ่งขึ้นในเดือนพ.ย.
ทางด้านสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านพุ่งขึ้น 5 จุด สู่ระดับ 76 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2542
เมื่อเทียบรายปี ดัชนีความเชื่อมั่นพุ่งขึ้น 20 จุดในเดือนธ.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจสหรัฐที่สดใส, ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง, อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในระดับต่ำ และภาวะขาดแคลนสต็อกบ้านในตลาด
ดัชนีความเชื่อมั่นยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงมุมมองโดยทั่วไปที่เป็นบวก
ส่วนดัชนีคาดการณ์ยอดขายในช่วง 6 เดือนข้างหน้า เพิ่มขึ้น 1 จุด สู่ระดับ 79 จุด ขณะที่ดัชนีภาวะยอดขายในปัจจุบันเพิ่มขึ้น 7 จุด สู่ระดับ 84 จุด
ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 52.2 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน จากระดับ 52.0 ในเดือนพ.ย.
ดัชนี PMI ได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน
ดัชนี PMI อยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว ทั้งภาคการผลิต และบริการ
ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 52.5 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 52.6 ในเดือนพ.ย.
สำหรับดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น อยู่ที่ 52.2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน จากระดับ 51.6 ในเดือนพ.ย.