สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าและตลาดหุ้นที่ทะยานขึ้นกระตุ้นให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำออกมา เพราะมีความน่าสนใจน้อยลงในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 3.50 ดอลลาร์ หรือ 0.24% ปิดที่ 1,480.90 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาทองคำปรับตัวขึ้น 0.02%
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 7 เซนต์ หรือ 0.41% ปิดที่ 17.224 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 21.7 เซนต์ หรือ 2.32% ปิดที่ 913.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ดิ่งลง 92.10 ดอลลาร์ หรือ 4.8% ปิดที่ 1,808.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองถูกกดดันจากแรงขายสินทรัพย์ปลอดภัย หลังดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์, ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นทำนิวไฮต่อเนื่องเมื่อคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นอกจากนี้ ราคาทองยังถูกกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นด้วย โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้น 0.3% สู่ระดับ 97.70 เมื่อวันศุกร์
ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะทำให้ทองที่กำหนดราคาเป็นดอลลาร์มีราคาแพงขึ้น และมีความน่าสนใจลดลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
นอกจากนี้ ราคาทองยังถูกกดดัน หลังการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ของสหรัฐที่มีการขยายตัวมากกว่าไตรมาส 2
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับการขยายตัวของ GDP ประจำไตรมาส 3/2562 ที่ระดับ 2.1% ไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 แต่สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.9% โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค รวมทั้งการใช้จ่ายในภาครัฐ
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐดีดตัวขึ้นในไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ซึ่งมีการขยายตัว 2.0% ขณะที่ไตรมาส 1 มีการขยายตัว 3.1%