สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีเมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ได้กระตุ้นให้นักลงทุนแห่ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบริษัทแอปเปิล อิงค์ได้ออกมายอมรับว่า วิกฤตไวรัสโควิด-19 อาจทำให้รายได้ของบริษัทไม่เป็นไปตามเป้า
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 17.2 ดอลลาร์ หรือ 1.08% ปิดที่ 1,603.6 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2556
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 41.6 เซนต์ หรือ 2.35% ปิดที่ 18.15 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 25.1 ดอลลาร์ หรือ 2.59% ปิดที่ 993.9 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ทะยานขึ้น 180.90 ดอลลาร์ หรือ 7.8% ปิดที่ 2,497.60 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่าการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและรายได้ของบริษัทต่างๆ โดยล่าสุดบริษัทแอปเปิล อิงค์ได้ออกมายอมรับว่า รายได้ในเดือนม.ค.-มี.ค. ซึ่งเป็นไตรมาส 2 ตามปีงบการเงินของบริษัท อาจต่ำกว่าคาด อันเป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยก่อนหน้านี้ แอปเปิลคาดการณ์ว่า รายได้ของบริษัทจะอยู่ในช่วง 6.3-6.7 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค.-มี.ค.
ทั้งนี้ แอปเปิลระบุว่า การผลิต iPhone ในจีนได้สะดุดลงชั่วคราว เนื่องจากสายการผลิตได้หยุดชะงักลง นอกจากนี้ การที่จีนประกาศขยายวันหยุดในช่วงเทศกาลตรุษจีน ยังส่งผลให้ร้านค้าและโรงงานจำนวนมากปิดการดำเนินงานนานกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สกัดแรงบวกของราคาทองคำในระหว่างวัน โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้น 0.23% สู่ระดับ 99.39 ในการซื้อขายเมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่าจะทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้น และมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น