สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 มี.ค.) หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังทำให้สัญญาทองคำมีความน่าดึงดูดน้อยลงด้วย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 1.4 ดอลลาร์ หรือ 0.09% ปิดที่ 1,643 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 5.8 เซนต์ หรือ 0.34% ปิดที่ 17.246 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 5.9 ดอลลาร์ หรือ 0.68% ปิดที่ 875.2 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 2.50 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ 2,385 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย และแห่เข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคึกคัก หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นกว่า 1,100 จุด จากรายงานข่าวที่ว่า นายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ มีแนวโน้มที่จะได้รับชัยชนะในศึก"ซูเปอร์ ทิวส์เดย์" ซึ่งเป็นการเลือกตั้งแบบไพรมารีของพรรคเดโมแครต เพื่อเลือกผู้ที่จะเป็นตัวแทนพรรคเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.นี้
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้น 0.18% สู่ระดับ 97.33 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่าจะทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้น และมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
อย่างไรก็ดี การที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐร่วงลงหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉิน 0.5% นั้น ได้ช่วยสกัดแรงลบของราคาทองคำ โดยเมื่อคืนนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 0.996% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 1.629%