สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (5 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนแห่ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐร่วงลงอย่างหนัก นอกจากนี้ สกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่ายังช่วยให้สัญญาทองคำมีความน่าดึงดูดเพิ่มขึ้นด้วย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 25 ดอลลาร์ หรือ 1.52% ปิดที่ 1,668 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. 2563
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 14.7 เซนต์ หรือ 0.85% ปิดที่ 17.393 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 9.5 ดอลลาร์ หรือ 1.09% ปิดที่ 865.7 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 84.40 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 2,469.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับปัจจัยหนุนจากคำสั่งซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงกว่า 900 จุดเมื่อคืนนี้ ท่ามกลางวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) หลังจากมีรายงานพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทั้งในสหรัฐและอีกหลายประเทศ
ขณะเดียวกันการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐก็ช่วยหนุนตลาดทองคำเช่นกัน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดิ่งลงสู่ระดับ 0.91% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 1.554% เมื่อคืนนี้ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.49% สู่ระดับ 96.86 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจะช่วยหนุนราคาทองปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นสามารถซื้อทองได้ในราคาที่ถูกลง