สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 1% เมื่อคืนนี้ (10 มี.ค.) หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่นหุ้น นอกจากนี้ สกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ยังส่งผลให้ราคาทองคำมีความน่าดึงดูดน้อยลงด้วย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 15.40 ดอลลาร์ หรือ 0.92% ปิดที่ 1,660.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 9.9 เซนต์ หรือ 0.58% ปิดที่ 16.955 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 6.6 ดอลลาร์ หรือ 0.76% ปิดที่ 869.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 88.30 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 2,317.40 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนลดความต้องการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขานรับถ้อยแถลงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ซึ่งระบุว่า รัฐบาลสหรัฐจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะออกมาตรการครั้งใหญ่ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการปรับลดภาษีเงินเดือน และมาตรการเร่งด่วนอื่นๆ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยคณะบริหารของรัฐบาลสหรัฐจะเร่งผลักดันให้สภาคองเกรสอนุมัติมาตรการดังกล่าว
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งขึ้น 1.37% สู่ระดับ 96.19 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่าจะทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้น และมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น