สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งในการซื้อขายระหว่างวัน ก่อนที่จะอ่อนแรงลงในช่วงท้ายตลาดเนื่องจากถูกฉุดจากราคาน้ำมันที่ร่วงลง ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 10.2 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 1,683.7 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 31.1 เซนต์ หรือ 2.05% ปิดที่ 15.48 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 13 ดอลลาร์ หรือ 1.78% ปิดที่ 745 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 17.50 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 2,094.30 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นกว่า 800 จุดในการซื้อขายระหว่างวัน ขานรับรายงานที่ว่า ยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตในหลายประเทศได้ชะลอตัวลง รวมทั้งแนวโน้มการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะครอบคลุมถึงการให้ความช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลงในช่วงท้ายตลาด หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 9% ภายหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ WTI และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ในปี 2563
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ รายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.พ. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค.