ราคาทองฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 1% แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ ขณะดีดตัวใกล้ทดสอบระดับ 1,760 ดอลลาร์ในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางต่างๆจะออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อเยียวยาภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เพิ่มการถือครองทอง 0.9% สู่ระดับ 1,042.46 ตัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 7 ปี
ณ เวลา 22.11 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ดีดตัวขึ้น 20.10 ดอลลาร์ หรือ 1.15% สู่ระดับ 1,758.40 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองยังได้รับปัจจัยหนุนจากความตึงเครียดในอ่าวเปอร์เซีย
นายฮอสเซน ซาลามี หัวหน้ากองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (IRGC) กล่าวว่า อิหร่านจะทำลายเรือรบสหรัฐ หากสหรัฐเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของอิหร่านในอ่าวเปอร์เซีย
"ผมสั่งให้กองเรือของเราทำลายกองกำลังก่อการร้ายอเมริกันในอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของกองทัพอิหร่าน หรือเรือพาณิชย์ของอิหร่าน โดยความมั่นคงของอ่าวเปอร์เซียถือเป็นยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งของอิหร่าน" นายซาลามีกล่าว
นายซาลามีขู่ดังกล่าว หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุวานนี้ว่า เขาได้สั่งกองทัพเรือสหรัฐให้ทำการยิงและทำลายเรือปืนของอิหร่านทุกลำ หากมีท่าทีก่อกวนเรือสหรัฐ
ทางด้านกระทรวงกลาโหมสหรัฐรายงานว่า เรือของ IRGC ได้แสดงท่าทีที่ยั่วยุและอันตราย ขณะขับเข้าใกล้เรือยามฝั่งของสหรัฐในอ่าวเปอร์เซีย
นอกจากนี้ ราคาทองยังดีดตัวขึ้นจากการคาดการณ์ว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะให้การอนุมัติต่อมาตรการเยียวยาธุรกิจจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ในวันนี้
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะจัดการประชุมในวันนี้เพื่อลงมติต่อร่างกฎหมายว่าด้วยมาตรการเยียวยาธุรกิจขนาดเล็กและโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 วงเงิน 4.84 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
คาดกันว่าสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะให้การอนุมัติต่อร่างกฎหมายดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นในวันนี้ โดยได้รับความร่วมมือจากสมาชิกทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน
หากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐให้การอนุมัติต่อร่างกฎหมายดังกล่าว ขั้นตอนต่อไปก็จะส่งไปยังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เพื่อลงนามเป็นกฎหมาย
ร่างกฎหมายดังกล่าวถือเป็นร่างกฎหมายฉบับที่ 4 ที่มีการพิจารณาในสภาคองเกรส ซึ่งหากรวมวงเงินทั้งหมดจะสูงถึงเกือบ 3 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ หลังทรุดตัวจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19