สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (30 เม.ย.) หลังการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน แต่ราคาทองปรับตัวขึ้นในเดือนเม.ย.โดยได้แรงหนุนบางส่วนจากอุปสงค์ทองคำที่เพิ่มขึ้น และจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางทั่วโลกจะยังคงดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปเพื่อลดผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 19.2 ดอลลาร์ หรือ 1.12% ปิดที่ 1,694.2 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ในเดือนเม.ย. สัญญาทองคำพุ่งขึ้น 6.1% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นรายเดือนมากที่สุดเมื่อคิดเป็นเปอร์เซนต์นับตั้งแต่เดือนส.ค. 2562
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 34.2 เซนต์ หรือ 2.23% ปิดที่ 14.973 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 13.4 ดอลลาร์ หรือ 1.68% ปิดที่ 813 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 38.6 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 1,956 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปรับตัวลง เนื่องจากเทรดเดอร์บางรายขายสัญญาทองคำออกมาเพื่อทำกำไรในช่วงสิ้นเดือน หลังจากสหรัฐเปิดเผยแรงกดดันด้านเงินเฟ้อลดลงในเดือนมี.ค. โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ลดลง 0.3% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.พ.
นักวิเคราะห์ระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดทิศทางราคาทองได้แก่อัตราดอกเบี้ยและการคาดการณ์เงินเฟ้อ โดยอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงมีผลกระทบต่อความน่าดึงดูดใจของทองในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังคงลดลงต่อไปเช่นเดียวกับในไตรมาส 1/2563 นักลงทุนก็จะเข้าซื้อทองในฐานะที่เป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกำหนดนโยบายในวันพฤหัสบดี แม้เศรษฐกิจยูโรโซนหดตัวลงอย่างหนักในไตรมาสแรก โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็ตาม
นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน (ECB) เปิดเผยในการแถลงข่าวว่า เศรษฐกิจยูโรโซนอาจร่วงลงราว 5-12% ในปีนี้