สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่นหุ้น หลังจากรัฐหลายแห่งในสหรัฐ และประเทศในยุโรปได้เริ่มคลายมาตรการล็อกดาวน์ นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังทำให้สัญญาทองคำมีความน่าดึงดูดน้อยลงด้วย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 2.7 ดอลลาร์ หรือ 0.16% ปิดที่ 1,710.6 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 31.4 เซนต์ หรือ 2.12% ปิดที่ 15.11 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 6.2 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 784.7 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 78.80 ดอลลาร์ หรือ 4.3% ปิดที่ 1,756.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปิดในแดนลบเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากมีรายงานว่า หลายรัฐในสหรัฐได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และเปิดเศรษฐกิจบางส่วน โดยนายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก เปิดเผยว่า รัฐนิวยอร์กจะเริ่มเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังจากที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว โดยจะมีการเปิดเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป
ขณะที่นายเกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียประกาศว่า รัฐแคลิฟอร์เนียจะอนุญาตให้ธุรกิจค้าปลีกบางส่วนกลับมาเปิดบริการอีกครั้งในสัปดาห์นี้ โดยทางรัฐจะดำเนินการอย่างรอบคอบระมัดระวัง ทางด้านนายเจย์ อินสลีย์ ผู้ว่าการรัฐวอชิงตันได้ประกาศแผน Safe Start ซึ่งจะเปิดทางให้รัฐวอชิงตันสามารถทยอยเปิดเศรษฐกิจได้อีกครั้ง โดยเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อวานนี้
ส่วนในประเทศยุโรปนั้น รายงานข่าวระบุว่า ประชาชนชาวอิตาลีหลายล้านคนได้เริ่มกลับเข้าทำงานตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ที่เคยบังคับใช้อย่างเข้มงวดในช่วงก่อนหน้านี้ เพื่อสะกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งขึ้น 0.30% สู่ระดับ 99.79 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่าจะทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้น และมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น