สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 30 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (21 พ.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำมีความน่าดึงดูดน้อยลง นอกจากนี้ ข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของภาคบริการและภาคการผลิตทั้งในสหรัฐและยุโรป ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 30.2 ดอลลาร์ หรือ 1.72% ปิดที่ 1,721.9 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 66.7 เซนต์ หรือ 3.7% ปิดที่ 17.364 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 68 ดอลลาร์ หรือ 7.28% ปิดที่ 866.5 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ดิ่งลง 97.10 ดอลลาร์ หรือ 4.5% ปิดที่ 2,062.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.24% สู่ระดับ 99.36 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่าจะทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้น และมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 36.4 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 27.0 ในเดือนเม.ย.
ส่วนดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นเดือนพ.ค.ของยูโรโซน ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 30.5 จากระดับ 13.6 ในเดือนเม.ย. โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่รัฐบาลในหลายประเทศของยูโรโซนได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์