สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนพากันเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่การร่วงลงของตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นสหรัฐได้หนุนแรงซื้อทองด้วย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 13.6 ดอลลาร์ หรือ 0.79% ปิดที่ 1,735.5 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่สัญญาทองคำ ลดลง 1.2% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 32.9 เซนต์ หรือ 1.89% ปิดที่ 17.693 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. พุ่งขึ้น 19.8 ดอลลาร์ หรือ 2.29% ปิดที่ 886.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 85.20 ดอลลาร์ หรือ 4.1% to $1,977.10 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนพากันเข้าซื้อทอง ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดมากขึ้นระหว่างสหรัฐกับจีน หลังนายหวัง เฉิน รองประธานคณะกรรมาธิการประจำสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ได้เสนอกฎหมายใหม่ในวันศุกร์ (22 พ.ค.) ที่ระบุให้ฮ่องกงต้องดำเนินการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติโดยเร็ว ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับย่อซึ่งเป็นกฎหมายพื้นฐานของฮ่องกง
กฎหมายใหม่ดังกล่าวจะให้อำนาจรัฐสภาของจีนในการจัดทำกรอบกฎหมาย และบังคับใช้กลไกทางกฎหมายเพื่อป้องกันและลงโทษการกบฎ การก่อการร้าย การแบ่งแยกดินแดน และการแทรกแซงของต่างชาติ หรือการกระทำใดๆ ที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อความมั่นคงของชาติ
การดำเนินการดังกล่าวของจีนสร้างความไม่พอใจให้กับสหรัฐ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาเตือนก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐจะตอบโต้จีน หากจีนใช้มาตรการเพื่อจัดการกับผู้ประท้วง และจำกัดการเคลื่อนไหวตามระบอบประชาธิปไตยในฮ่องกง
นักลงทุนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐอยู่แล้ว หลังจากวุฒิสภาสหรัฐมีมติเป็นเอกฉันท์เมื่อวันพุธที่ผ่านมาให้ผ่านร่างกฎหมาย "Holding Foreign Companies Accountable Act" ซึ่งอาจทำให้บริษัทสัญชาติจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐถูกถอดออกจากตลาด
นอกจากนี้ การที่จีนระงับการกำหนดเป้าหมายการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำปีนี้ ทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ขณะเดียวกัน ราคาทองยังได้แรงหนุนจากอุปสงค์ทองที่เพิ่มขึ้นในเอเชีย ขณะที่ประเทศต่างๆ เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
นักลงทุนในตลาดทองจะจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญหลายตัวของสหรัฐในสัปดาห์หน้า อาทิ ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชิคาโก, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก Conference Board, รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากเฟด, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน