สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการที่สหรัฐขู่ตอบโต้จีนที่จะบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ในฮ่องกง และจากความวิตกที่ว่า ความขัดแย้งดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความเปราะบางอยู่แล้ว
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. พุ่งขึ้น 23.40 ดอลลาร์ หรือ 1.35% ปิดที่ 1,751.7 ดอลลาร์/ออนซ์ และปรับตัวขึ้น 3.4% ในเดือนพ.ค.
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. พุ่งขึ้น 53.2 เซนต์ หรือ 2.96% ปิดที่ 18.499 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 6.5 ดอลลาร์ หรือ 0.75% ปิดที่ 874.6 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 26.40 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 1,972.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองได้แรงหนุน เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองในฐานะที่เป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน และการดำเนินมาตรการกระตุ้นด้านการเงินทั่วโลกได้หนุนแรงซื้อทองด้วย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อสัญญาทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐดิ่งลง 13.6% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลในปี 2502 และย่ำแย่กว่าสถิติเดิมที่ 6.9% ที่ทำไว้ในเดือนมี.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจลดลง 12.6%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยด้วยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ลดลง 0.5% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการดิ่งลงมากที่สุดในรอบกว่า 5 ปี หลังจากลดลง 0.3% ในเดือนมี.ค. ขณะที่ดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ ลดลง 0.4% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2544 หลังจากทรงตัวในเดือนมี.ค.
ส่วนผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 72.3 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 71.8 ในเดือนเม.ย. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 74.0