สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อคืนนี้ (5 มิ.ย.) สวนทางกับตลาดหุ้นที่พุ่งขึ้น เนื่องจากนักลงทุนได้เทขายทองเพื่อเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐได้เริ่มฟื้นตัวขึ้นแล้ว หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 44.4 ดอลลาร์ หรือ 2.57% ปิดที่ 1,683 ดอลลาร์/ออนซ์ และร่วงลงราว 3.9% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 58.2 เซนต์ หรือ 3.22% ปิดที่ 17.479 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 34.6 ดอลลาร์ หรือ 4% ปิดที่ 830.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 29.80 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 1,952.60 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองร่วงลงสวนทางดัชนีดาวโจนส์ที่พุ่งกว่า 800 จุด ทะลุแนว 27,000 ในวันศุกร์ หลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 2.5 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าการจ้างงานอาจลดลง 8.33 ล้านตำแหน่ง และอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 13.3% ในเดือนพ.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจพุ่งขึ้นสู่ระดับ 19.5%
ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ค. เป็นสถิติการจ้างงานเพิ่มขึ้นมากที่สุดภายในเดือนเดียวในประวัติศาสตร์สหรัฐในรอบ 81 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2482
ทั้งนี้ ตัวเลขการจ้างงานที่ดีกว่าคาดดังกล่าวได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลสหรัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งทำให้ภาคธุรกิจกลับมาเปิดกิจการ และทำการจ้างงานครั้งใหม่ หลังจากที่มีการปลดพนักงานจำนวนมากในช่วงที่มีการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นอกจากนี้ ราคาทองยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในวันศุกร์ด้วย