สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในนรอบเกือบ 9 ปีเมื่อคืนนี้ (21 ก.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐและสหภาพยุโรป (EU) จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นแรงซื้อทองคำ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. พุ่งขึ้น 26.5 ดอลลาร์ หรือ 1.46% ปิดที่ 1,843.9 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2554
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 136.5 เซนต์ หรือ 6.76% ปิดที่ 21.557 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. พุ่งขึ้น 61 ดอลลาร์ หรือ 7.11% ปิดที่ 918.9 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 78.80 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 2,188.20 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนขานรับรายงานข่าวที่ว่า ผู้นำ 27 ชาติของ EU ได้บรรลุข้อตกลงในการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 7.5 แสนล้านยูโร (8.55 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อเยียวยาเศรษฐกิจ EU จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยวงเงินดังกล่าวประกอบด้วยเงินให้เปล่าจำนวน 3.90 แสนล้านยูโร และเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำจำนวน 3.60 แสนล้านยูโร
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.75% สู่ระดับ 95.1175 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาถูกลงและมีความน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
นักลงทุนจับตาการเจรจาระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ เนื่องจากโครงการช่วยเหลือคนว่างงานจะหมดอายุลงในวันที่ 31 ก.ค.นี้
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 2 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงต้นปีนี้ เพื่อเยียวยาภาคธุรกิจและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ดี มาตรการจ่ายเงิน 600 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์สำหรับผู้ว่างงานจะสิ้นสุดลงในเดือนนี้