นักวิเคราะห์ระบุว่า ราคาทองสามารถพุ่งขึ้นทะลุระดับ 2,000 ดอลลาร์ในปีนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจ และปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนพากันเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ราคาทองพุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ในวันนี้ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน
นอกจากนี้ ราคาทองยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ทั้งนี้ ราคาทองสปอตดีดตัวแตะ 1,943.92 ดอลลาร์ในวันนี้ สูงกว่าสถิติสูงสุดเดิมที่ทำไว้ในเดือนก.ย.2554
"เราคิดว่าราคาทองจะมีโมเมนตัมทะลุ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ปัญหาก็คือว่าราคาทองจะไปต่ออีกเท่าไหร่ หลังจากทะลุระดับดังกล่าว" นายวิเวค ดาร์ นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จากธนาคารคอมมอนเวลธ์ แบงก์กล่าว
นายดาร์กล่าวเสริมว่า หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า 0% ก็จะส่งผลให้ราคาทองพุ่งขึ้นเหนือระดับ 2,500 ดอลลาร์/ออนซ์
ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดในเดือนที่แล้ว เฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ในการคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% และยืนยันว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าว จนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และบรรลุเป้าหมายของเฟดในการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ และรักษาเสถียรภาพของราคา
ตลาดการเงินกำลังจับตาดูว่าเฟดจะใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบเหมือนกับธนาคารกลางของยุโรปและญี่ปุ่นหรือไม่
ทางด้านนายโจชัว รอตบาร์ท กรรมการผู้จัดการของบริษัทเจ รอตบาร์ท แอนด์ โค คาดการณ์เช่นกันว่า ราคาทองจะพุ่งทะลุ 2,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากปัจจัยความกลัวของนักลงทุนเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา
องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุเตือนในวันนี้ว่า ไวรัสโควิด-19 ได้ทำให้เกิดภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของโลกที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ WHO เคยเผชิญมา หลังจากที่ไวรัสดังกล่าวได้แพร่ระบาดไปทั่วโลก และทำให้มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 16 ล้านราย
"เมื่อพิจารณาจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินและการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย และอัตราการว่างงานที่พุ่งขึ้น ผมก็คิดว่าเราจะเห็นราคาทองพุ่งขึ้นทะลุ 2,000 ดอลลาร์" นายรอตบาร์ทกล่าว