สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (11 ส.ค.) โดยราคาทองร่วงลงวันเดียวรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 7 ปี ขณะที่ถูกกดดันจากแรงเทขายทองในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังมีข่าวว่ารัสเซียประสบความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 และจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในสหรัฐชะลอตัวลงแล้ว
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ดิ่งลง 93.4 ดอลลาร์ หรือ 4.58% ปิดที่ 1,946.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 3.212 ดอลลาร์ หรือ 10.98% ปิดที่ 26.049 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 31.3 ดอลลาร์ หรือ 3.12% ปิดที่ 971.4 ดอลลาร์/ออนซ์
ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 95.40 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 2,175.00 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองดิ่งลงรายวันเป็นเปอร์เซนต์หนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. หลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินประกาศในวันอังคารว่า รัสเซียได้พัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 และกระทรวงสาธารณสุขรัสเซียอนุมัติได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนดังกล่าว
ราคาทองยังถูกกดดันจากการที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้น และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ราคาทองยังถูกถ่วงลงจากการที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น, แรงขายทำกำไรในตลาด และความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ
สำนักข่าว RIA Novosti ของรัสเซียรายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประกาศว่า รัสเซียเป็นประเทศแรกของโลกที่มีการจดทะเบียนวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19
"เท่าที่ผมทราบ รัสเซียได้จดทะเบียนวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 เมื่อเช้านี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกของโลก" ปธน.ปูตินกล่าวในการประชุมคณะรัฐมนตรีรัสเซียในวันอังคาร
"วัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพมาก โดยสามารถสร้างภูมิคุ้มกันอย่างมีเสถียรภาพ และวัคซีนนี้ได้ผ่านกระบวนการตรวจสอบทั้งหมดแล้ว" ปธน.ปูตินกล่าว
ทั้งนี้ วัคซีนดังกล่าวได้เสร็จสิ้นการทดลองทางคลินิกในเวลาไม่ถึง 2 เดือน และจะมีการเริ่มทดลองในเฟส 3 ในไม่ช้า
นอกจากนี้ ปธน.ปูตินยังเปิดเผยว่า บุตรสาวคนหนึ่งของเขาได้รับการฉีดวัคซีนดังกล่าวแล้ว โดยได้เข้าเป็นอาสาสมัครคนหนึ่งในโครงการทดลองวัคซีน
นายยุง-ยู หม่า หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านการลงทุนของบริษัทบีเอ็มโอ เวลธ์ แมเนจเมนท์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีหลายปัจจัยที่ขับเคลื่อนราคาทองให้ดีดตัวขึ้น แต่ก็มี 2 เหตุการณ์สำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงทิศทางของราคาทอง
"2 เหตุการณ์สำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงทิศทางราคาทองได้แก่ การพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 และการเลือกตั้งในสหรัฐ" นายหม่ากล่าว
นายหม่าระบุว่า วัคซีนต้านโควิด-19 มีแนวโน้มที่จะสกัดปัจจัยบวกที่กำลังหนุนราคาทอง
ทางด้านเธิร์ด บริดจ์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นสำนักวิจัย ระบุว่า ราคาทองอาจดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย. ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นต่อไปในปีหน้า
ขณะเดียวกัน ราคาทองยังถูกกระทบจากความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ โดยนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐกล่าวว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และสภาคองเกรสจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร็วที่สุดภายในสัปดาห์นี้
นายมนูชินกล่าวว่า ยังคงมีโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ในการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และกฎหมายดังกล่าวจะสามารถผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส