สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (1 ก.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ดี สัญญาทองคำสามารถปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ราคาทองยังคงมีแนวโน้มขาขึ้น โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณตรึงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปอีกหลายปี
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 1,978.9 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค.ปีนี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.1 เซนต์ หรือ 0.18% ปิดที่ 28.645 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 14.8 ดอลลาร์ หรือ 1.58% ปิดที่ 952.7 ดอลลาร์/ออนซ์
ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 31.80 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 2,311.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.21% แตะที่ระดับ 92.3572 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้น และมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดการณ์ว่า ราคาทองยังคงมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นต่อไป โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่เฟดประกาศเปลี่ยนแปลงแนวทางในการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ โดยจะเปิดทางให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นมากกว่าเดิมเพื่อสนับสนุนตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปอีกหลายปี
ขณะที่นักวิเคราะห์จากบริษัทแอคทีฟเทรดส์ กล่าวว่า แม้ตลาดหุ้นสหรัฐทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่นักลงทุนก็ยังต้องการเพิ่มทองคำในพอร์ทการลงทุน เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงหากตลาดหุ้นและตลาดปริวรรตเงินตรากลับมาผันผวนอีกครั้ง