สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ทำให้ราคาทองคำมีความน่าดึงดูดน้อยลง นอกจากนี้ การที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ยังทำให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 34.2 ดอลลาร์ หรือ 1.73% ปิดที่ 1,944.7 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.25 ดอลลาร์ หรือ 4.36% ปิดที่ 27.395 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 48.6 ดอลลาร์ หรือ 5.1% ปิดที่ 904.1 ดอลลาร์/ออนซ์
ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ดิ่งลง 43.60 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 2,267.50 ดอลลาร์/ออนซ์
นักวิเคราะห์จากบริษัทแอคทีฟเทรดส์ กล่าวว่า ราคาทองคำร่วงลงเนื่องจากดอลลาร์แข็งค่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ความเคลื่อนไหวของราคาทองในขณะนี้มีความเกี่ยวข้องกับตลาดปริวรรตเงินตรา อย่างไรก็ดี แนวโน้มราคาทองคำยังคงอยู่ในทิศทางบวก โดยคาดว่าราคาจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 1,990 ดอลลาร์ และจากนั้นจะทะยานขึ้นไปแตะระดับ 2,005 ดอลลาร์
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.53% แตะที่ระดับ 92.8489 เมื่อคืนนี้ โดยการแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้น และมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งของตลาดหุ้นสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 450 จุดเมื่อคืนนี้ ทำสถิติทะยานขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ค.ปีนี้ ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq เดินหน้าทำนิวไฮ
นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 1.255 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค.
ส่วนเมื่อคืนนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 428,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.17 ล้านตำแหน่ง