สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) เนื่องจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นสหรัฐได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย อย่างไรก็ดี สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สกัดแรงบวกของทองคำ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 8.9 ดอลลาร์ หรือ 0.46% ปิดที่ 1,943.2 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 27.9 เซนต์ หรือ 1.04% ปิดที่ 26.991 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 12.1 ดอลลาร์ หรือ 1.35% ปิดที่ 910.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 37.40 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 2,305.80 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ เนื่องจากคำสั่งขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าจะลดระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐและจีน พร้อมกับขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีบริษัทสหรัฐที่ออกไปสร้างงานในจีนและประเทศอื่นๆ
อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สกัดแรงบวกของราคาทองคำ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.40% แตะที่ระดับ 93.4450 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้น และมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย โดยสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) เปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 100.2 ในเดือนส.ค. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยรายงานของ NFIB ยังระบุด้วยว่า ธุรกิจขนาดย่อมมีแผนที่จะสร้างงานใหม่