สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 ก.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3 ดอลลาร์ หรือ 0.16% ปิดที่ 1,907.6 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 13.6 เซนต์ หรือ 0.56% ปิดที่ 24.523 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 18.7 ดอลลาร์ หรือ 2.13% ปิดที่ 857.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 52.10 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 2,229.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าติดต่อกันเป็นวันที่สอง โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.36% แตะที่ระดับ 93.9916 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้น และมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับปัจจัยลบจากการที่นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 2.4% ในเดือนส.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 24.7% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการทะยานขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ที่มีการรวบรวมข้อมูลในปี 2511
ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของยอดขายบ้านในเดือนส.ค.ได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในตลาด, สต็อกบ้านที่ลดลง, อัตราดอกเบี้ยจำนองในระดับต่ำ และราคาบ้านที่ดีดตัวขึ้น โดยราคาเฉลี่ยของบ้านพุ่งขึ้น 11.4% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 310,600 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์