สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐรอบใหม่ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งการให้คณะบริหารของทำเนียบขาวระงับการเจรจาเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่กับพรรคเดโมแครตไปจนกว่าจะผ่านพ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย. แต่หลังจากนั้นไม่นาน ปธน.ทรัมป์ได้กลับลำหันมาสนับสนุนให้เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 18 ดอลลาร์ หรือ 0.94% ปิดที่ 1,890.8 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.5 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 23.896 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 3.5 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 866.8 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 9.1 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 2,382.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ หลังจากปธน.ทรัมป์ได้สั่งการให้คณะบริหารของทำเนียบขาวระงับการเจรจาเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่กับพรรคเดโมแครต ไปจนถึงหลังวันเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย.
แต่จากนั้นไม่นาน ปธน.ทรัมป์กลับลำด้วยการทวีตข้อความอีกครั้งว่า เขาจะลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายฉบับ เพื่อเยียวยาประชาชนและบางภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พร้อมกับเรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งอนุมัติมาตรการต่างๆที่เขาจะลงนาม ซึ่งได้แก่ การแจกเช็คเงินสดให้แก่ชาวอเมริกันคนละ 1,200 ดอลลาร์ รวมทั้งการอัดฉีดวงเงิน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมการบิน และวงเงิน 1.35 แสนล้านดอลลาร์สำหรับธุรกิจรายย่อย
นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของตลาดหุ้นสหรัฐยังทำให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า