ราคาทองฟิวเจอร์ดีดขึ้น หลังผลประชุม ECB เป็นไปตามคาด

ข่าวต่างประเทศ Thursday December 10, 2020 20:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ราคาทองฟิวเจอร์ขยับขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายและขยายโครงการซื้อพันธบัตรในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของตลาด

ณ เวลา 20.27 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ปรับตัวขึ้น 4.90 ดอลลาร์ หรือ 0.27% สู่ระดับ 1,843.40 ดอลลาร์/ออนซ์

ธนาคารกลางยุโรปจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ โดยที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรืออัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50%

ขณะเดียวกัน ECB มีมติขยายวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามโครงการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) เพิ่มอีก 5 แสนล้านยูโร เป็น 1.85 ล้านล้านยูโร รวมทั้งขยายเวลาในการซื้อพันธบัตรตามโครงการ PEPP จากเดิมที่กำหนดไว้ในเดือนมิ.ย.2564 ออกไปจนถึงเดือนมี.ค.2565 หรือจนกระทั่ง ECB พิจารณาว่าวิกฤตการณ์จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ผ่านพ้นไปแล้ว

นอกจากนี้ ECB ย้ำว่าจะเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดย ECB จะซื้อพันธบัตรในวงเงิน 2 หมื่นล้านยูโร/เดือน และ ECB จะดำเนินโครงการ QE เป็นระยะเวลานานเท่าที่มีความจำเป็น

การขยายโครงการซื้อพันธบัตรของ ECB เป็นหนึ่งในความพยายามที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจและการเงิน ท่ามกลางการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ นักลงทุนในตลาดทองคำยังจับตาความคืบหน้าเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนด้วยเช่นกัน โดยข่าวดีเกี่ยวกับวัคซีนส่งผลดีต่อตลาดหุ้นและตลาดน้ำมัน แต่ไม่เป็นผลดีต่อราคาทองคำ อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ว่าสภาคองเกรสสหรัฐจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาภาคธุรกิจและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น ได้ช่วยพยุงราคาทองไว้

นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และนายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา แสดงความหวังว่า สภาคองเกรสจะสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการออกกฎหมายงบประมาณชั่วคราวได้ภายในวันที่ 11 ธ.ค.ซึ่งเป็นวันสุดท้ายก่อนที่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐจะเผชิญภาวะชัตดาวน์

ตลาดยังจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า เพื่อหาทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ