สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากแรงซื้อทองคำในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ในสหรัฐ, ความเป็นไปได้ที่อังกฤษจะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปแบบไร้ข้อตกลงการค้า (no-deal Brexit) รวมถึงสัญญาณเงินเฟ้อจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในสหรัฐ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 6.2 ดอลลาร์ หรือ 0.34% ปิดที่ 1,843.6 ดอลลาร์/ออนซ์ และปรับตัวขึ้น 0.2% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 0.2 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 24.092 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 5.9 ดอลลาร์ หรือ 0.57% ปิดที่ 1,021.8 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 2.40 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ 2,333.10 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองยังคงได้รับแรงซื้อท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในสหรัฐ และการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐมีส่วนช่วยหนุนราคาทองด้วย
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI ปรับตัวขึ้น 0.8% ในเดือนพ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนต.ค.
แต่ราคาทองชะลอตัวลง หลังมหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 81.4 ในเดือนธ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 75.5 จากระดับ 76.9 ในเดือนพ.ย.
ส่วนในสัปดาห์หน้า บรรดานักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้