สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงมากกว่า 4% เมื่อคืนนี้ (8 ม.ค.) โดยเป็นการร่วงลงวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย. เนื่องจากถูกกระทบจากการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 78.20 ดอลลาร์ หรือ 4.09% ปิดที่ 1,835.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และร่วงลงราว 3.2% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 2.624 เซนต์ หรือ 9.63% ปิดที่ 24.637 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 53.3 ดอลลาร์ หรือ 4.74% ปิดที่ 1,071.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 66.60 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 2,365.00 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค. และร่วงลงวันเดียวเป็นเปอร์เซนต์สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 1.1% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563
การดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปอัตราดอกเบี้ย
นักวิเคราะห์ระบุว่า การดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะดึงดูดให้นักลงทุนหันเข้าซื้อพันธบัตร ขณะที่เทขายทองในการปรับพอร์ตการลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ปลอดภัย
นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำด้วย โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.32% แตะที่ 90.1200 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้น และมีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นๆ