สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 ม.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์ได้ลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่นๆ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 9.7 ดอลลาร์ หรือ 0.52% ปิดที่ 1,856.2 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ปรับตัวขึ้น 1.4% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 29.8 เซนต์ หรือ 1.15% ปิดที่ 25.556 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 16.4 ดอลลาร์ หรือ 1.45% ปิดที่ 1,111.6 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 9.90 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 2,365.20 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นถ่วงราคาทองลง โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.13% สู่ระดับ 90.2400
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสถ่วงราคาทองลงในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยด้วย โดยไอเอชเอส มาร์กิตรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการอยู่ที่ระดับ 57.5 ในเดือนม.ค. เพิ่มขึ้นจาก 54.8 ในเดือนธ.ค. และดัชนี PMI ภาคการผลิต เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 59.1 ในเดือนม.ค. จาก 57.1 ในเดือนธ.ค.
ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 58.0 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 55.3 ในเดือนธ.ค. โดยดัชนี PMI ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะขยายตัว ทั้งภาคการผลิตและบริการ
ด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 0.7% สู่ระดับ 6.76 ล้านยูนิตในเดือนธ.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าอาจลดลง 2.0% สู่ระดับ 6.55 ล้านยูนิต โดยยอดขายบ้านมือสองได้รับแรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่ระดับต่ำ และเมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านมือสองพุ่งขึ้น 22.2% ในเดือนธ.ค.