สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง, การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และแนวโน้มที่สหรัฐจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 2.4 ดอลลาร์ หรือ 0.14% ปิดที่ 1,777.4 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ยังคงร่วงลง 2.5% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการร่วงลงรายสัปดาห์รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 ม.ค.
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 17.6 เซนต์ หรือ 0.65% ปิดที่ 27.254 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 18.4 ดอลลาร์ หรือ 1.44% ปิดที่ 1,293.1 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 20.40 ดอลลาร์ หรือ 1.31% ปิดที่ 2,369.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้แรงหนุนจากการที่นางเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐไม่ใช่เหตุผลที่จะปรับลดแผนกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ที่เสนอโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน
ราคาทองคำเมื่อคืนนี้ยังได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.26% สู่ระดับ 90.3648 ซึ่งการอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ มีราคาถูกลงและมีความน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
นอกจากนี้ ราคาทองยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยไอเอชเอส มาร์กิตซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงินเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 58.8 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 71 เดือน จากระดับ 58.7 ในเดือนม.ค. โดยดัชนี PMI ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะขยายตัว ทั้งภาคการผลิตและบริการ
ด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองในสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.6% สู่ระดับ 6.69 ล้านยูนิตในเดือนม.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 1.5% สู่ระดับ 6.61 ล้านยูนิต โดยยอดขายบ้านมือสองได้รับแรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่ระดับต่ำ และการขาดแคลนสต็อกบ้านในตลาด และเมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านมือสองพุ่งขึ้น 23.7% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว