สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (25 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยออกมา หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้น และสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาด ซึ่งกระตุ้นให้นักลงทุนต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า และลดการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 22.5 ดอลลาร์ หรือ 1.25% ปิดที่ 1,775.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 24.3 เซนต์ หรือ 0.87% ปิดที่ 27.685 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 26.4 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 1,231.5 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 16.70 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ 2,414.80 ดอลลาร์/ออนซ์
ตลาดทองคำนิวยอร์กถูกกดดัน เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาทองคำออกมา หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 1.53%
ราคาทองคำร่วงลงเกือบ 6% แล้วในปีนี้ หลังจากพุ่งขึ้นในปี 2563 มากที่สุดในรอบ 10 ปีท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19, อัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีเกินคาดกระตุ้นให้นักลงทุนเทขายทองซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยออกมาด้วย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลงสู่ระดับ 730,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 พ.ย.2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 845,000 ราย
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2563 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 4.1% โดยปรับตัวดีกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 4.0% และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 3.4% ในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนธ.ค.