สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการชะลอตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 7.8 ดอลลาร์ หรือ 0.42% ปิดที่ 1,884.5 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. 2564
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 7.8 ดอลลาร์ หรือ 0.42% ปิดที่ 1,884.5 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 8.2 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ 1,177.6 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 45.20 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 2,729.80 ดอลลาร์/ออนซ์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 1.608% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ เนื่องจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดทองคำ เนื่องจากทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาถูกลงและมีความน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.19% แตะที่ 89.8439 เมื่อคืนนี้
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์เตือนว่าราคาทองกำลังเข้าสู่ภาวะ "overbought" หรือมีแรงซื้อมากเกินไป และส่งสัญญาณปรับฐานทางเทคนิค หลังจากที่ดีดตัวติดต่อกัน 7 วันทำการ
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2564 (ประมาณการครั้งที่ 2) ของสหรัฐในวันพฤหัสบดี และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์นี้ โดยดัชนี PCE นับเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ