สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อคืนนี้ (14 มิ.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ดีดตัวขึ้น และจากการที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 15-16 มิ.ย.นี้
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 13.7 ดอลลาร์ หรือ 0.73% ปิดที่ 1.865.9 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. 2564
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 10.7 เซนต์ หรือ 0.38% ปิดที่ 28.039 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 14.2 ดอลลาร์ หรือ 1.23% ปิดที่ 1,165.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 24.20 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 2,756.60 ดอลลาร์/ออนซ์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 1.496% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยฉุดราคาทองคำ เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) ในการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งเชื่อว่า การร่วงลงของราคาทองคำจะเป็นเพียงสถานการณ์ชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาทองพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งที่ผ่านมา นอกจากนี้ แนวโน้มระยะยาวของราคาทองคำยังคงสดใส เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อจะเป็นปัจจัยหนุนให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 15-16 มิ.ย. โดยเฉพาะการปรับตัวเลขประมาณการด้านเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย, อัตราเงินเฟ้อ และอัตราว่างงานในการประชุมดังกล่าว รวมทั้งจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งจะมีขึ้นหลังการประชุมในวันพุธ
นักวิเคราะห์คาดว่าในการประชุมครั้งนี้เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% และยังคงเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) วงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะเริ่มหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. และจะเริ่มดำเนินการปรับลด QE ในเดือนธ.ค.หรือต้นปีหน้า ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 2566