สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (21 ก.ค.) เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยกดดันตลาด อย่างไรก็ดี สัญญาทองคำปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย เนื่องความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตายังคงกระตุ้นให้นักลงทุนส่วนหนึ่งเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 8 ดอลลาร์ หรือ 0.44% ปิดที่ 1,803.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ หรือ 1.04% ปิดที่ 25.255 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 10.1 ดอลลาร์ หรือ 0.95% ปิดที่ 1,075.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 14.50 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 2,654.90 ดอลลาร์/ออนซ์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นใกล้แตะระดับ 1.30% เมื่อคืนนี้ ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อตลาด เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดของทองคำ โดยทำให้สัญญาทองคำมีราคาถูกลงสำหรับนักลงทุนที่ถือครองเงินสกุลอื่น ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.22% แตะที่ 92.7613 เมื่อคืนนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) แถลงว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้พุ่งขึ้นในสหรัฐ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา โดยขณะนี้สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาคิดเป็น 83% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด สูงกว่าระดับ 50% ที่พบในช่วงวันที่ 27 มิ.ย.-3 ก.ค.
นายเดวิด ไทซ์ ผู้จัดการกองทุนรายใหญ่ แนะนำนักลงทุนให้เข้าลงทุนในทอง รวมทั้งบริษัทเหมืองทองและเหมืองเงิน โดยคาดว่าราคาทองจะพุ่งขึ้น 10% แตะระดับ 2,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้