สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ก.ค.) โดยได้ปัจจัยบวกจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ รวมทั้งการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณคงดอกเบี้ยต่ำต่อไปอีก 2 ปี นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขคนว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์ หรือ 0.11% ปิดที่ 1,805.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 12.6 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 25.381 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 15.3 ดอลลาร์ หรือ 1.42% ปิดที่ 1,090.6 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 49.70 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 2,704.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำดีดตัวขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 1.247% เมื่อคืนนี้ โดยการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำยังได้รับแรงหนุนหลังจาก ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรืออัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% อีกทั้งคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
นอกจากนี้ ECB มีมติคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามโครงการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) ที่ระดับ 1.85 ล้านล้านยูโร ซึ่ง ECB จะซื้อพันธบัตรตามโครงการดังกล่าวจนถึงเดือนมี.ค.2565 โดยจะซื้อพันธบัตรในวงเงินเดือนละ 2 หมื่นล้านยูโร
ทั้งนี้ ECB ระบุว่าจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าเงินเฟ้อแตะระดับเป้าหมาย 2% ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า ECB จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีก 2 ปี เนื่องจาก ECB คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า เงินเฟ้อในยูโรโซนจะยังไม่แตะระดับ 2% อย่างน้อยในอีก 2 ปีข้างหน้า
ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 419,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. จากระดับ 368,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
ทางด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้นเพียง 1.4% สู่ระดับ 5.86 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.90 ล้านยูนิต โดยยอดขายบ้านมือสองได้รับผลกระทบจากราคาบ้านที่พุ่งสูง, สต็อกบ้านในระดับต่ำ และราคาวัสดุสร้างบ้านที่พุ่งขึ้น