สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) โดยยังคงปิดตลาดที่ระดับต่ำกว่า 1,800 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังคงเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในวันศุกร์ ซึ่งจะช่วยลดความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 7.9 ดอลลาร์ หรือ 0.44% ปิดที่ 1,792.1 ดอลลาร์/ออนซ์ และร่วงลงมากกว่า 2% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 27.7 เซนต์ หรือ 1.15% ปิดที่ 23.9 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 18 ดอลลาร์ หรือ 1.85% ปิดที่ 956.5 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 16.50 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 2,126.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.10% แตะที่ 92.5779 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น
นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังมีรายงานว่าผู้นำสหรัฐและจีนหารือกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ. และเป็นครั้งที่ 2 ของปธน.ไบเดนนับตั้งแต่ที่เขาเข้ารับตำแหน่งในเดือนม.ค.
ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ผู้นำทั้งสองหารือกันเกี่ยวกับความจำเป็นในการหลีกเลี่ยงการแข่งขันซึ่งจะนำมาซึ่งความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศ
นอกจากนี้ ราคาทองยังได้รับผลกระทบ หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนส.ค. ชะลอลงหลังจากพุ่งขึ้น 1% ในเดือนก.ค.