สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 1.6% เมื่อคืนนี้ (23 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 29 ดอลลาร์ หรือ 1.63% ปิดที่ 1,749.8 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดในรอบกว่า 6 สัปดาห์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 22.8 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 22.679 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 4.1 ดอลลาร์ หรือ 0.41% ปิดที่ 997 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 64.40 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 1,971.80 ดอลลาร์/ออนซ์
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา พร้อมกับส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในไม่ช้า หากเศรษฐกิจมีความคืบหน้าตามที่คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ เฟดแถลงว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่คาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นในปี 2565 ซึ่งเร็วกว่าถึง 1 ปี เมื่อเทียบกับคาดการณ์เดิมในเดือนมิ.ย. ซึ่งกรรมการเฟดคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นแข็งแกร่งติดต่อกัน 2 วันทำการ