สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่ธนาคารกลางหลายแห่งซึ่งรวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 11.2 ดอลลาร์ หรือ 0.62% ปิดที่ 1,828 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 38.5 เซนต์ หรือ 1.59% ปิดที่ 24.542 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 24.2 ดอลลาร์ หรือ 2.34% ปิดที่ 1,060 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 50.10 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 2,077.70 ดอลลาร์/ออนซ์
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.29% แตะที่ 94.0503 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดทองคำ เนื่องจากทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) รวมทั้งธนาคารกลางยุโรป (ECB)
ทั้งนี้ เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมสัปดาห์ที่แล้ว และได้ประกาศว่าจะเริ่มทยอยปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ เริ่มตั้งแต่เดือนพ.ย. ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งส่งสัญญาณว่าเฟดยังไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ส่วน BoE จัดการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์ที่แล้วเช่นกัน โดย BoE มีมติ 7-2 เสียง สนับสนุนการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
ทางด้านนางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB ส่งสัญญาณว่า ECB ไม่มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้า เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ