สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (12 พ.ย.) เป็นวันที่ 7 ติดต่อกัน และปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนยังคงแห่เข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 4.6 ดอลลาร์ หรือ 0.25% ปิดที่ระดับ 1,868.5 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นราว 2.8% ในสัปดาห์นี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 4.5 เซนต์ หรือ 0.18% ปิดที่ 25.346 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 5.3 ดอลลาร์ หรือ 0.48% ปิดที่ 1,089.2 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 55.70 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 2,117.70 ดอลลาร์/ออนซ์
บรรดานักลงทุนได้เพิ่มการซื้อทอง เนื่องจากเชื่อว่า เงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างมากมีแนวโน้มจะกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐได้ช่วยหนุนราคาทองด้วย โดยสำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลงสู่ระดับ 10.44 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 10.46 ล้านตำแหน่ง จากระดับ 10.63 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค.
ตัวเลขการลาออกจากงานโดยสมัครใจพุ่งขึ้น 164,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 4.43 ล้านตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่อัตราการลาออกจากงานโดยสมัครใจอยู่ที่ระดับ 3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน
ส่วนผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ ดิ่งลงสู่ระดับ 66.8 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2554 จากระดับ 72.8 ในเดือนก.ย.