สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าข้อมูลล่าสุดที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานและเศรษฐกิจสหรัฐนั้น อาจผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 8.8 ดอลลาร์ หรือ 0.47% ปิดที่ 1,861.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 26.7 เซนต์ หรือ 1.06% ปิดที่ 24.9 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 12.7 ดอลลาร์ หรือ 1.19% ปิดที่ 1,056.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 47.10 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 2,137.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 268,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก พุ่งขึ้นสู่ระดับ 39.0 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 24.0 จากระดับ 23.8 ในเดือนต.ค.
ทางด้านเจพีมอร์แกนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2565 และจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป 0.25% ทุกไตรมาส จนกว่าอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง หรืออัตราดอกเบี้ยที่หักด้วยเงินเฟ้อ จะแตะระดับ 0%
นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังถูกกดดันจากที่นักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากสัญญาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีนี้