สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2.4% เมื่อคืนนี้ (22 พ.ย.) ทำสถิติดิ่งลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค.ปีนี้ โดยราคาทองถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนประกาศเสนอชื่อนายเจอโรม พาวเวล ให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นสมัยที่ 2
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 45.3 ดอลลาร์ หรือ 2.45% ปิดที่ 1,806.3 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย. 2564
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 48.4 เซนต์ หรือ 1.95% ปิดที่ 24.297 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 20.9 ดอลลาร์ หรือ 2.02% ปิดที่ 1,015.1 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ดิ่งลง 122.60 ดอลลาร์ หรือ 5.9% ปิดที่ 1,950.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำร่วงลงอย่างหนัก หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 1.596% เมื่อคืนนี้ ซึ่งการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
สำหรับปัจจัยที่ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ มาจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนตัดสินใจเสนอชื่อนายเจอโรม พาวเวล ให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นสมัยที่ 2
นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.52% แตะที่ 96.5379 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น ๆ