สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ในวันพุธ (12 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ชะลอตัวลง หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 8.8 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 1,827.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดที่สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 2564
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 39.5 เซนต์ หรือ 1.73% ปิดที่ 23.207 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 6.9 ดอลลาร์ หรือ 0.71% ปิดที่ 980.1 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 6.30 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,915.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงหนุนหลังจากดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.74% แตะที่ 94.9201 และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงสู่ระดับ 1.718% เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ส่วนการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรชะลอตัวลงนั้น มาจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 7.0% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2525 อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่
นักลงทุนมองว่าดัชนี CPI เดือนธ.ค.ของสหรัฐที่ออกมาสอดคล้องกับการคาดการณ์นั้น จะไม่กดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วไปกว่าที่ส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้านี้