สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (18 มี.ค.) และปรับตัวลงรายสัปดาห์รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2564 โดยถูกกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2561
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 13.9 ดอลลาร์ หรือ 0.72% ปิดที่ 1,929.3 ดอลลาร์/ออนซ์ และร่วงลงราว 2.8% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการร่วงลงรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 52.9 เซนต์ หรือ 2.07% ปิดที่ 25.087 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 4.6 ดอลลาร์ หรือ 0.45% ปิดที่ 1,035.9 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.0 ดอลลาร์ หรือ 0.04% ปิดที่ 2,493 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองคำถูกกดดัน ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น โดยการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.27% แตะที่ 98.2360
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เมื่อวันพุธ (16 มี.ค.) และวางแผนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องในปีนี้
นักวิเคราะห์ตลาดคาดว่า ราคาทองคำจะผันผวนในระยะสั้น โดยมีแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,900 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และการกำหนดนโยบายการเงินครั้งต่อไปของเฟด จะเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนราคาทองคำในระยะต่อไป