สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (22 มี.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี และจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 8 ดอลลาร์ หรือ 0.41% ปิดที่ 1,921.5 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 40.9 เซนต์ หรือ 1.62% ปิดที่ 24.904 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 19.6 ดอลลาร์ หรือ 1.88% ปิดที่ 1,025.1 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 60.80 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 2,476.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะระดับ 2.385% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2562
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดทองคำยังได้รับผลกระทบจากการที่นายพาวเวลกล่าวในการประชุมสมาคมเศรษฐกิจธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐเมื่อวันจันทร์ว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐมีความแข็งแกร่งมาก และอัตราเงินเฟ้อก็อยู่ในระดับสูงมากเกินไป ด้วยเหตุนี้เฟดจึงต้องสร้างความเชื่อมั่นว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง และหากเห็นว่าจำเป็น เฟดก็จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ในการประชุมครั้งหนึ่งหรือหลายครั้ง ทางด้านโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ค.และเดือนมิ.ย. หลังจากที่นายพาวเวลส่งสัญญาณดังกล่าว
ขณะเดียวกันนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กเมื่อวานนี้ว่า เฟดจำเป็นต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ โดยนายบูลลาร์ดเป็นเจ้าหน้าที่เฟดเพียงคนเดียวที่โหวตสนับสนุนให้คณะกรรมการเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา