สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (25 มี.ค.) โดยถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นอย่างมาก ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 8 ดอลลาร์ หรือ 0.41% ปิดที่ 1,954.2 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ยังคงปรับตัวขึ้น 1.3% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 30.5 เซนต์ หรือ 1.18% ปิดที่ 25.615 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 22.7 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 1,008.5 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 136.30 ดอลลาร์ หรือ 5.39% ปิดที่ 2,394.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี ขณะที่ตลาดวิตกเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่ระดับสูง และกังวลว่าการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีอยู่ที่ 2.492% หลังปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 2.50% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2562
เทรดเดอร์ยังคงจับตาสถานการณ์ความขัดแย้งในรัสเซีย-ยูเครน และประเมินความเห็นเกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายการเงินจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยระบุว่า อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงเกินไป ซึ่งหากจำเป็น เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ในการประชุมหนึ่งครั้งหรือหลายครั้ง
ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐที่เปิดเผยในวันศุกร์ได้แก่ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 59.4 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี จากระดับ 62.8 ในเดือนก.พ. และต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 59.7 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอาจจะทรงตัวที่ระดับ 62.8 ในเดือนมี.ค.
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น หลังการทะยานขึ้นของราคาน้ำมัน