สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (22 เม.ย.) โดยถูกกดดันจากการที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น และจากความกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 13.9 ดอลลาร์ หรือ -0.71% ปิดที่ 1,934.3 ดอลลาร์/ออนซ์ และร่วงลง 2.1% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 36.2 เซนต์ หรือ -1.47% ปิดที่ 24.259 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 40.4 ดอลลาร์ หรือ -4.17% ปิดที่ 927.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 43.90 ดอลลาร์ หรือ -1.8% ปิดที่ 2,376.30 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
นอกจากนี้ ราคาทองยังได้รับผลกระทบจากคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ค.
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ขณะที่การดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่ง 0.64% สู่ระดับ 101.22
ราคาทองปรับตัวอย่างผันผวนในสัปดาห์นี้ โดยพุ่งขึ้นใกล้แตะระดับ 2,000 ดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ ก่อนที่จะดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 1,950 ดอลลาร์ในการซื้อขายเมื่อวันพฤหัสบดี
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงกดดันราคาทองด้วย โดยเอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 55.1 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 57.7 ในเดือนมี.ค.