สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันศุกร์ (13 พ.ค.) แตะระดับต่ำสุดในรอบ 14 สัปดาห์ โดยถูกกดดันจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้น
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 16.4 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 1,808.20 ดอลลาร์/ออนซ์ และร่วงลง 3.9% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการร่วงลงรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 18 มิ.ย.ปีที่แล้ว
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 22.8 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 21.001 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 0.7 ดอลลาร์ หรือ 0.08% ปิดที่ 930.7 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 57.10 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 1,917.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำร่วงลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันเมื่อวันพฤหัสบดี ขณะที่นักวิเคราะห์ตลาดคาดว่า หากราคาทองคำยังคงปรับตัวอยู่ต่ำกว่าระดับ 1,830 ดอลลาร์ในสัปดาห์หน้า ก็จะตอกย้ำสัญญาณที่ซบเซาของสัญญาทองคำ ซึ่งจะร่วงลงอีก 25% สู่ระดับ 1,350 ดอลลาร์
การดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐถ่วงราคาทองลง โดยเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทอง เนื่องจากทองเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังถูกกดดันจากแรงเทขายท่ามกลางความกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินอีก 2 ครั้ง ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค. หลังจากที่เฟดเพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนพ.ค. เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2543 และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี